วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550

วันไหว้ครู

สวัสดีค่ะ
...คาบคอมเวียนมาอีกครั้ง... เป็นวิชาที่บรรดานักเรียนตั้งใจเรียนกันอย่างน่าประหลาด และก็เป็นวิชาที่มีเวลาให้เราอัพบล็อกด้วย (อาจารย์ให้ทำบล็อกเป็นคะแนนเก็บ For2 เลยเอาอันนี้ส่งเลย เพียงแต่ถ้าอาจารย์มาอ่านแล้วคงอนาถใจกับความ...ผิดมนุษย์...ของเรา...ฮ่า)

เมื่อวันพฤหัสที่แล้วเป็นวันไหว้ครูของโรงเรียนเก่า เป็นวันที่เรากับเพื่อน ๆ วางแผนกันมาตั้งแต่เปิดเทอมแล้วว่าจะลาเรียนกลับไปไหว้ครูแน่ ๆ เพราะโรงเรียนใหม่และเก่านั้นอยู่ติดกัน ไม่มีรั้วกั้นในบางส่วน แม้จะไม่มีคำเชิญก็ตาม ใช่ว่าการที่เราออกมาจากโรงเรียนเดิมมานั้นทำให้เราต้องตัดขาดจากสถานที่แห่งความทรงจำนั่นสักหน่อย (สุดท้ายเราก็ได้รับคำเชิญอย่างเป็นทางการไปรับรางวัลนะ ^ ^)

เรากะจะไปโรงเรียนแต่เช้า แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่เช้าสักเท่าไหร่ กำลังนอนอยู่เป็นสุขในรถโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นตั้มโทร.มาถามว่าอยู่ไหน เรานับถือที่ทุก ๆ คนสามารถขุดนิสัยตื่นเช้าสมัยอยู่ปทุมวันมาใช้ได้ แต่สำหรับเรามันไม่ได้แล้วน่ะซี พอถึงโรงเรียนเราเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องก่อน หอบถุงใส่พวงมาลัยมาใหญ่โต แต่คนไม่ยักมองแฮะ ตอนแรกอุตส่าห์จะไปจองให้ร้านดอกไม้ร้อยพวงมาลัยดอกไม้ให้ อิร้านร้อยพวงมาลัยหน้าหมู่บ้านมันดันตุกติก มาลัยมะลิพวกนิดเดียวเพิ่มราคาอยู่นั่นแหละ 15 แล้ว 20 แล้ว จน 30 ก็แล้ว ถือว่าใกล้เทศกาลวันแม่ก็โก่งราคาเอาเปรียบผู้บริโภค - -" เมืองไทยมันถึงไม่เจริญเสียที โมโหเกิดเต็มแก่แม่เลยชวนไปสำเพ็ง เหมาพวงมาลัยสบู่สวย ๆ มาเป็นกุรุด ไม่เน่า ไม่เหี่ยว แถมถูกกว่าด้วย

เราเริ่มต้นการผจญภัยตามล่าหาอาจารย์ด้วยการหอบถุงมหาพวงมาลัยทะลุไปทางโรงยิมปทุมวัน เจออ.นิรณี อาจารย์คุมทีมปิงปอง เป็นคนแรก อ.นิเป็นอาจารย์ท่านแรกที่เราสนิทด้วยตั้งแต่ม.1 เพราะเราเข้าโรงเรียนมาก็เข้าทีมปิงปองเลย แล้วก็ไปที่ตึก 4 กับตึก 5 เพื่อนำพวงมาลัยไปกราบอาจารย์ที่เคยสอนเรา เดินวนไปวนมา 4-5 ชั้นเพราะสองตึกนี้มีทางเชื่อมติดกัน ไถลแวะคุยกับรุ่นน้องบางคนที่รู้จักบ้าง พอเพลงขึ้นใกล้เวลาเข้าแถวถึงจะเดินมุ่งหน้าไปตึก 1 หน้าโรงเรียน ก็เห็นกลุ่มเพื่อน ๆ ยืนปักหลักรออยูที่เดิมที่เราเคยมานั่งตอนเย็นสมัยอยู่ม.ต้น คุยกันสนุกสนานเฮฮาเหมือนย้อนเวลาไม่มีผิด พิมกำลังโดนเพื่อนรุมล้อ หลังจากที่ได้ทำกรรมล้อเพื่อน ๆ คนอื่นไว้ถึง 3 ปี เราเองเลยดักอยู่ตรงตึก 1 อาจารย์ท่านไหนรู้จักก็เดินนำพวงมาลัยไปไหว้ท่าน

เรารู้สึกดีเล็กน้อยที่ไม่ต้องไปร่วมเข้าแถวกับคนอื่น ๆ ยืนรออยู่ที่ตึก 1 จนเขาให้พวกเด็กที่รับรางวัลเคลื่อนทัพนั่นแหละ ที่จริงที่มาไม่ได้มารับรางวัลทุกคน แต่ก็แฝง ๆ กันเข้ามา ไม่มีใครเช็คใส่ใจ เดินไปที่หอประชุม เสียดายปีนี้ที่ประตูคณะอักษรเขาปิดก่อสร้างอะไรไม่รู้ เลยต้องเดินอ้อมหน้าโรงเรียนไปเข้าหอประชุมอักษรฯจุฬา นั่งรอคิวขึ้นเวที พวกเด็กมหิดลก็ขนทัพกลับมากันหมดด้วย ดีใจจริง ! เหมือนวันรวมรุ่นยังไงก็ไม่รู้ มีพี่ ๆ ที่เข้ามหา'ลัยไปแล้วก็มากัน ระหว่างนั้นเราก็คุย คุย คุย และคุย ราวกับไม่ได้เจอกันมาสักสิบปี เราไปเอาคิวเบอร์ 1 ของเบนมาติดเล่นด้วยล่ะ โรคจิตจริง ๆ แล้วก็เอามาหลอกเพื่อนว่าเราขึ้นรับคนแรก...ฮ่า~ พอเบนรับเสื้อสามารถลงมารอรับรางวัลเรียนดีอีกรอบเราก็ขอเสื้อเขาใส่ถ่ายรูป เหอะ ๆ ที่จริงเราน่าจะขอของการ์ฟิวด้วยนะ ตอนหลังเห็นมิวเอาของฟิวมาใส่ ^ ^

พิธีดำเนินไปตามแบบฉบับที่เราเคยเข้าร่วมมา 2 ครั้ง (ปีที่แล้วเราไม่อยู่แฮะ เสียดายจริง จำได้ว่าไปแข่งวิทย์กับป้าเดือน) พอรับรางวัลกันเสร็จก็ขึ้นไปชั้นบนของหอประชุม มีอาจารย์ท่านหนึ่งคงหมั่นไส้เด็กเตรียมเต็มแก่ ไล่บี้พวกเรามาตั้งแต่ตอนเคลื่อนทัพแล้ว แล้วก็รีบกลับออกมาก่อน ไปซื้อข้าวเที่ยงกินที่ปทุมวัน ที่จริงเราเข้าไปเอาถาดมากินก็ได้ แต่เรามารู้หลังจากอิ่มไปแล้วล่ะ การดักรออาจารย์ที่ตึก 1 เป็นแผนอันแยบยลมากของเรา เพราะอาจารย์ทุกท่านจะต้องเดินกลับมาผ่านทางนั้น เราก็สามารถนำพวงมาลัยไปไหว้ท่านได้ครบทุกคนโดยไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาให้เหนื่อยเหมือนตอนเช้า

ทว่าการที่วิ่งไปวิ่งมา จะเหนื่อยก็เหนื่อยแค่กาย เหงื่อตกเปียกเสื้อเท่านั้น แต่เราอิ่มใจ เหมือนกับมาบอกอาจารย์ว่า หนูไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะคะ อย่างอาจารย์สุรางค์ อาจารย์สอนเคมีคนโปรดที่ทำให้ตอนม.2ป้าเดือนนั่งตั้งใจเรียนด้วยเหตุที่ว่าอาจารย์แกหน้าเหมือนทาทา (แต่เหตุผลเราคืออาจารย์แกสอนสุดยอดจริง ๆ นะ ปูพื้นฐานและเป็นแรงบันดาลใจให้เรารักวิชาเคมียิ่งชีพ) เมื่อตอนเรายังอยู่เค้าไม่พูดกับเราเลย แต่เมื่อออกมาแล้ว เค้ากลับเป็นกันเองกับเรามาก ๆ เลยล่ะ ^ ^

เรากะว่าจะกลับไปเรียนตอนหมดคาบ 5 ปรากฏว่าห้อง 445 (ห้องสมัยม.1) นัดเจอกันตอนบ่ายโมงที่ห้องสมุดเพื่อไปกราบอาจารย์สมฤดีกับอาจารย์อุมาภรณ์ เป็นธรรมเนียมที่ห้องเราทำมากันทุกปี คาบ 6 ของเราเป็นคาบดนตรีสากล จะโดดต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง (?) เรากับอุ๋มไปนั่งคอยกันที่ห้องสมุด มีบางคนอย่างพาทิศ นป ธัชก็มาแล้ว เรากับอุ๋มไปเจอหนังสืออนุสสรณ์ของเตรียมปี 2540 ด้วยล่ะ นั่งดูหน้าอาจารย์เตรียมที่ยังอยู่จนปัจจุบันแล้วเปรียบเทียบ before-after 555 พอสักพักตั้มกับแพร เดินเข้ามาแล้วก็ออกไปเพราะ 812 คาบ 6 เป็นฟิสิกส์... ขาดไม่ได้

พิธีของเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมการกันมา (คือ ปทุมวันพาทิศเค้าเตรียมแหละ แต่เตรียมไม่รู้เรื่อง) เตรียมแต่ใจมา รวมกันได้ครึ่งห้องพอดี 25 คน (ถ้านับตั้มกับแพรก็ +2 กับเด็ก 526 ที่ไม่ใช่ 445 อีก 2) จั๊บที่ไปอยู่แคนาดา แต่กลับมาซัมเมอร์ก็มาด้วยนะ น้ำที่เราคิดว่ากลับไปกับพิมแล้วก็โผล่มาเฉยเลย พอถ่ายรูปกันเสร็จอุ๋มกับรีบไป กลับไปเรียนเคมี...เป็นอันโดดไม่ได้เหมือนกันเพราะอาจารย์เช็คชื่อ ที่เหลืออยู่กราบอาจารย์สมฤดีกับอาจารย์แอนพักหนึ่ง แล้วเราก็กลับไปเรียนดนตรีสากล เป็นอันว่าคาบ 7 อ.บัณฑิตย์เข้ามาไม่รู้เรื่องว่าเรากับเพื่อน ๆ อีกนับสิบ ๆ หายไปจากห้องเป็นเวลาเกินครึ่งวัน (ตอนหลังมารู้ว่าพวกผู้ชายกลับมาเรียนอ.ไมตรีแล้วขออนุญาตไปไหว้ครูต่อตอนคาบ 5)

พิธีไหว้ครู....ที่เราเคยเห็นแค่ว่าเป็นวันที่มีการจัดพานเอาไปให้ครู เข้าหอประชุมเย็น ๆ สวดปาเจรา... แล้วก็ไม่ต้องเรียนคาบบ่าย ถ้าเป็นที่ปทุมวันก็มีการคิดประดิษฐ์ของชำร่วยแจกอาจารย์ท่านอื่น ๆ ด้วย

แต่วันนี้...เรารู้ว่า... วันไหว้ครู มีไว้ให้นักเรียน รวมทั้งศิษย์เก่าที่ไม่มีโอกาสจะได้กลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกับอาจารย์ผู้นำทางชีวิตเราในช่วงหนึ่ง จับมือเราจูงไปส่งที่อีกฟากของสายธารแห่งการศึกษาที่ยิ่งวันยิ่งไหลเชี่ยวขึ้นทุกที ได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียน ร่ำลา กราบขอบพระคุณพระคุณที่สาม กลับมารื้อฟื้นความทรงจำเก่า ๆ ทั้งดีและร้ายที่เราได้จารึกไว้ในอนูอากาศของสถานศึกษาแห่งนั้น

ปีหน้าเราจะกลับไปอีก

Hikaru

2 ความคิดเห็น:

ChryX กล่าวว่า...

ต้องขอบคุณอาจารย์คอมของเธอจริงๆ ที่สามารถทำให้คุณพินพินสร้างบลอคที่ดูดีมีระดับ แทนspace(กะหลั่วๆ)หรือthinkได้ ปภาวีเป็นปลื้มมาก หลังจากที่รบเร้าให้เธอทำบลอคมาตลอด1ปีเต็ม....
บลอคนี้ชมพูหวานแหววกว่าที่เราคิดนะ 55+ แต่ก็นั่นแหละ ยังคงเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระเต็มเอียดตามปกติวิสัยเธออยู่แล้วน่ะเนอะ
ไหว้ครูปีหน้าเราก็อยากไป แต่คงไม่โดดครึ่งเช้าแล้วแหละ โดดเฉพาะคาบ5-6ไปเจอ445ก็พอ
p.s.ทำไมเวลาเม้นมันถึงยุ่งยากงี้ก็ไม่รู้-*-

haku กล่าวว่า...

ปีหน้าเราจะไปอีก



^______________^